วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การใช้อินเตอร์เน็ตในเมืองปูเณ่


อินเตอร์เน็ตเป็นความจำเป็นอันดับแรกๆ พอๆ กับการใช้โทรศัพท์เลยทีเดียวสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของการศึกษา ถือได้ว่าอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ที่ขาดไม่ได้ สำหรับในอินเดียโดยเฉพาะที่เมืองปูเณ่ ร้านอินเตอร์เน็ตที่เปิดให้บริการมีกระจายอยู่ทั่วเมือง ไว้ให้บริการในราคาชั่วโมงละ 10-15 รูปี  แต่สำหรับพวกเรานักศึกษาที่มีโน๊ตบุ๊คใช้กันอยู่แล้ว การหาซื้อ USB Modem โมเดมไร้สาย สำหรับต่ออินเตอร์เน็ตก็เป็นความจำเป็นด้วยเหมือนกัน

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รู้จัก"ปูเณ่"


ปูเณ่ (Pune) หรือเดิมเรียกกันว่า ปูณาวดี (Punawadi) หรือ ปัญญา-นาการี (Punya-Nagari) หรือ ปูณา (Poona) ตั้งอยู่ในรัฐมหาราษฎร์ (Maharashtra) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของรัฐ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับแปดของอินเดีย และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของรัฐมหาราษฎร์ รองจากเมืองมุมไบ (Mumbai) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ ปัจจุบันปูเณ่กลายเป็นเมืองศูนย์กลางสำคัญทางด้านธุรกิจและการศึกษา

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ไปรษณีย์อินเดีย




แม้ว่าอินเตอร์เน็ตจะเข้าถึงประชาชนในหลายท้องที่ แต่คนที่รู้จักใช้คอมพิวเตอร์ในอินเดียมีเพียงจำนวนหนึ่ง ไม่มากนักเมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ การติดต่อสื่อสารสำคัญยังต้องพึ่งพาไปรษณีย์เป็นหลัก โดยเฉพาะอินเดียเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเอกสารเป็นอันมาก การสื่อสารผ่านทางจดหมายจึงยังมีความสำคัญในวิถีชีวิตของคนที่นี่

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ซาลวาร์ กูรตะ (Salwar Kurta) ปัญจาบีสูท (Punjabi suit) หรือ ซาลวาร์ กามีซ (salwar kameez) อีกแบบของชุดประจำชาติอินเดีย


ซาลวาร์ กูรตะ (Salwar Kurta) หรือ ปัญจาบีสูท (Punjabi suit) หรือบ้างก็เรียก ซาลวาร์ กามีซ (salwar kameez) เป็นชุดที่สตรีนิยมสวมใส่ รวมถึงผู้ชายบางคนด้วย ทั้งในอินเดีย ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน เครื่องแต่งกายแบบนี้เป็นที่นิยมมาตั้งแต่ยุคของจักรวรรดิโมกุล ตั้งแต่ ค.ศ. 1500-1700 เป็นที่นิยมใส่ในรัฐปัญจาบ แต่ปัจจุบันสวมใส่ทั่วอินเดีย ในฐานะชุดประจำชาติของสตรีอีกแบบของอินเดียนอกเหนือจากส่าหรี

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทำไมคนอินเดียชื่นชอบกีฬาคริกเกตกันนัก


คริกเกต (Cricket) แม้จะเป็นกีฬาที่อังกฤษนำเข้ามาในประเทศอาณานิคมต่างๆ ของตน แต่กีฬาชนิดนี้ก็พัฒนาและกลายเป็นความนิยมในประเทศเครือจักรภพของอังกฤษอย่างอินเดีย บังคลาเทศ ออสเตรเลีย เป็นต้น คนอินเดียชื่นชอบคริกเกตกันอย่างมาก และมากกว่าธรรมดาด้วย ชนิดที่เรียกว่าคลั่งไคล้กันทั้งประเทศเลย แถมยังติดตามชมการถ่ายทอดสดกีฬาคริกเกตแทบจะทุกแมทช์มากกว่าเกมส์กีฬาอื่นๆ อีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การศึกษาทางไกลและมหาวิทยาลัยเปิดในอินเดีย


อินเดียมีมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาจำนวนมากที่ให้การศึกษาระบบทางไกล (Distance Education) เช่นเดียวกับที่ต่างๆ ในโลก เป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึงให้แก่ทุกคน โดยเฉพาะคนที่ไม่ประสงค์จะเข้าเรียนตามระบบด้วยสาเหตุหลายๆ ประการ คนที่อาศัยอยู่ในชนบทห่างไกลสถาบันการศึกษา หรือคนที่ขาดโอกาสต่างๆ ก็สามารถสมัครเข้าเรียนในระบบทางไกล ในมหาวิทยาลัยเปิด (Open University) หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่เปิดหลักสูตรทางไกลได้ โดยที่นักศึกษาสามารถเลือกศึกษาและได้รับปริญญาโดยไม่จำเป็นต้องมาเข้าชั้นเรียน

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วังชานิวาร์ วาดะ (Shaniwar Wada) สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองปูเณ่


วังชานิวาร์ วาดะ (Shaniwar Wada) เป็นป้อมวังที่สร้างอยู่ใจกลางเมืองปูเณ่ ตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า ชานิวาร์ เปธ (Shaniwar Peth) ใกล้สถานีรถไฟเมืองปูเณ่ ใกล้ย่านศูนย์การค้าและแหล่งชอปปิ้งสำคัญของเมืองที่เรียกกันว่า ถนนลักษมี (Laxami Road) ครอบคลุมพื้นที่ 6.25 เอเคอร์ สร้างขึ้นในปี 1732 เป็นที่พำนักของ เปชวา (Peshwa) ซึ่งเป็นตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีของจักรวรรดิมาราธะ (Maratha Empire) และเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเมืองของจักรวรรดิ จนกระทั่งถูกทำลายเสียหายด้วยไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1828

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อินทิรา คานธี สตรีเหล็กแห่งอินเดีย


นางอินทิรา คานธี (Indira Gandhi) เดิมมีชื่อว่า อินทิรา ปรียาทาสินี เนรูห์ (Indira Priyadarsini Gandhi) เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 เป็นธิดาคนเดียวของ เยาวหราล เนห์รู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียหลังได้รับอิสรภาพ และนางกมลา เนห์รู นางอินทิรา คานธี ก้าวขึ้นมามีอำนาจในอินเดีย และท้ายที่สุดได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอินเดีย นางได้อุทิศตัวเพื่อความก้าวหน้าของประเทศในท่ามกลางปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้า

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

"Diwali!" ปีใหม่ของชาวฮินดู


Diwali (ดิวาลี) หมายถึง แถวหรือแนวของตะเกียงไฟ (rows of lighted lamps) ดังนั้น Diwali จึงเป็นเทศกาลแห่งแสงไฟและความรื่นเริง เพื่อต้อนรับปีใหม่ของชาวฮินดู อีกทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของคุณงามความดีที่มีต่อความชั่วร้าย และแสงสว่างที่อยู่เหนือความมืดมน ยังแสดงถึงการเริ่มต้นฤดูหนาวอีกด้วย จริงๆ แล้ว Diwali  นั้นเป็นการเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแด่ พระราม และ นางสีดา พระมเหสี ในการเสด็จกลับมาสู่พระนคร อโยธยา (Ayodhya) ตามความเชื่อของชาวฮินดู

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Pune Mirror หนังสือพิมพ์ที่สะท้อนภาพท้องถิ่นเมืองปูเณ่


ต้องการอับเดทเรื่องราวข่าวสารประจำวันของเมืองปูเณ่ต้องนี่เลย Pune Mirror หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมืองปูเณ่ สะท้อนเรื่องราวข่าวสารทั่วไปในเมืองปูเณ่ ทัศนคติของคนปูเณ่ต่อปัญหาต่างๆ บันเทิง กีฬา สุขภาพ ดูดวง และอื่นๆ อีกมาก เป็นหนังสือพิมพ์ขนาดย่อม มีทั้งหมด 44 หน้า มักขายคู่กันกับ The Times of India แต่ใครจะซื้อแยกก็ได้ เพราะบางคนไม่ชอบอ่านข่าวสารหนักๆ ชอบแต่เรื่องเบาๆ ก็เลือกหามาอ่านกันได้สะดวก ราคาถู๊กถูก ให้ทายว่าเท่าไหร่

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ฝึกภาษากับนิตยสารสำหรับเด็ก “Champak” ฉบับภาษาอังกฤษ



Champak เป็นนิตยสารรายปักษ์สำหรับเด็ก ตั้งชื่อตามชื่อดอกไม้ในเขตร้อนดอกหนึ่ง ถ้าเอ่ยชื่อเป็นร้องอ๋อ! ทันที ก็ “ดอกจำปา” ไงคะ ที่อินเดียเขาก็มีดอกนี้เหมือนกัน ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อนิตยสารสำหรับเด็ก ก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกันตรงไหน แต่ที่แน่ๆ นิตยสารเล่มนี้ตีพิมพ์ต่อเนื่องมานานถึง 42 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1968 เป็นต้นมา โดย นายวิศวะ นาถ (Vishwa Nath 1917-2002) เป็นผู้ก่อตั้ง และก็ขายดีมากๆ จนต้องจัดพิมพ์เป็นหลายภาษาเพื่อให้เข้าถึงเด็กและเยาวชนอินเดียอย่างทั่วถึง ภาษาที่ว่านั้น ได้แก่ ภาษาฮินดี ภาษาอังกฤษ ภาษาคุชราตี ภาษามาราตี ภาษากันนาดา ภาษาทมิฬ ภาษาเตเลกู และภาษามาลายาลัม และทุกภาษาก็ขายดีเท่าเทียมกัน

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

พระเจ้าอโศกมหาราช


พระเจ้าอโศกมหาราช (Ashoka the great พ.ศ. 240 - พ.ศ. 312) ทรงเป็นพระมหาจักรพรรดิแห่งราชวงศ์โมริยะ ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 270 - พ.ศ. 311 เป็นระยะเวลา 41 ปี ต่อจากพระเจ้าพินทุสาร พระบิดา พระราชมารดาคือ พระนางศิริธรรมาอัครมเหสี  ส่วนพระมเหสี คือ พระนางเวทีสาคีรี มีพระราชโอรสและธิดารวม 11 พระองค์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถพระองค์สุดท้ายของราชวงศ์โมริยะ ทรงปกครองแคว้นมคธ ที่มีราชธานีชื่อ ปาฏลีบุตร ปัจจุบันเรียกว่า ปัฏนะ (Patna)

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เทศกาลคเณศจตุรถี (Ganesh Chaturthi) ที่เมืองปูเณ่


เทศกาลพระคเณศ (Ganpati festival) หรือที่รู้จักกันในชื่อ คเณศจตุรถี (Ganesh Chaturthi) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดียเลยก็ว่าได้ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ ในช่วงวันขึ้น 4 ค่ำ แห่งเดือนภาทรบท (Bhaadrapada) เดือนนี้อยู่ในระหว่างเดือนสิงหาคมและกันยายน

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มหาวิทยาลัยปูเณ่ (University of Pune)


มหาวิทยาลัยปูเณ่ หรือในชื่อเก่ารู้จักกันดีว่า ปูณ่า ก่อตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยปูเณ่ ซึ่งอนุมัติเห็นชอบโดยสภานิติบัญญัติของเมืองมุมไบ ระบุลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1948

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตลาดชีวจิ (Shivaji) แถวถนนเอ็ม.จี. ปูเณ่


ตลาดชีวจิ (Shivaji) หรือบางทีเราก็เรียกว่าตลาดเอ็ม.จี.(M.G.) ตามชื่อถนนที่ตั้ง อยู่ในเขตพื้นที่ที่เรียกว่าแคมป์ ตรงข้ามกับโบสถ์เซนต์ซาเวียรส์ (St.Xaviers) ตลาดแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งมรดกในเมืองปูเณ่ เพราะตัวอาคารโบราณที่ตั้งของตลาดสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 (125 ปีมาแล้ว) โดย พลโท จอห์น รอสส์ (Lt. Gen John Ross) เป็นผลงานการก่อสร้างด้วยหินที่มั่นคงและยืนหยัดจนถึงปัจจุบัน

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Viva ขั้นตอนสุดท้ายของว่าที่ด๊อกเตอร์



กว่าจะจบเป็นด๊อกเตอร์กับเขาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างแน่นอน มีหลายขั้นตอน และใช้ระยะเวลาในการรอคอยที่เนิ่นนาน นับแต่วันที่ลงทะเบียนเป็นนักศึกษาจนกระทั่งจบการศึกษาในระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ที่นี่เขาเรียกนักศึกษาระดับปริญญาเอกว่า Ph.D. Researchers แต่เรียกเป็นนักศึกษา ป.เอก ก็คงพอได้ แม้ว่าหลักสูตรปริญญาเอกในหลายๆ ที่ไม่มีการเข้าชั้นเรียน แต่ก็มีอีกหลายๆ ที่ต้องเรียนวิชาบางอย่างเพิ่มเติม แม้แต่ที่เดคกันคอลเลจในปัจจุบัน นักศึกษาป.เอกต้องลงทะเบียนเรียนบางรายวิชาด้วย

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บันดห์ (Bandh) วัฒนธรรมการประท้วงแบบอินเดีย


เหตุการประท้วงใหญ่ของคนทั้งประเทศที่เรียกว่า บันดห์ (Bandh) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำเอาพวกเราอึ้งไปเหมือนกัน เพราะไม่เคยพบเห็นวัฒนธรรมการประท้วงแบบนี้ที่บ้านเรา ด้วยความนึกไม่ถึงว่าเขาจะเอาจริงเอาจังร่วมด้วยช่วยกันได้ทั้งประเทศอย่างนี้ อะเมซซิ่งจริงๆ

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ทราบหรือไม่ – ทำไมอินเดียถอนตัวจากการแข่งขันฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 1950?



ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 ในปี ค.ศ. 1950 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ มีความสำคัญและน่าสนใจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นสถิติการเข้าชมฟุตบอลต่อหนึ่งนัดที่สูงสุดเกือบสองแสนคน อีกทั้งประธานสหพันธ์ฟุตบอลโลก (FIFA) ถึงกับต้องเก็บถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกไว้ในกล่องรองเท้าใต้เตียงนอน เพราะกลัวสูญหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนเหลือรอดและนำมาใช้เป็นถ้วยรางวัลในการแข่งขันเวิล์ดคัพครั้งนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความหลากหลายของป้ายทะเบียนรถ (Number Plate) ในอินเดีย


พวกเราเคยชินแต่กับป้ายทะเบียนรถแบบมาตรฐานที่ออกให้โดยกรมการขนส่งในบ้านเรา ที่เป็นแบบเดียวกันทั่วทั้งประเทศ พอมาเจอที่อินเดีย งงเป๊ก! มีสารพัดรูปแบบละลานตา และสารพัดขนาด เพราะทางขนส่งที่อินเดียคงไม่สามารถรับผิดชอบทำให้กับพลเมืองจำนวนมากขนาดนี้ได้

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อักชาร์ดัม (Akshardham) อลังการวัดฮินดูในนครเดลี



อักชาร์ดัม (Akshardham) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เดลีอักชาร์ดัม (Delhi Akshardham) หรือ สวามีนารายันอักชาร์ดัม (Swaminarayan Akshardham) ในภาษาไทยบ้างก็เรียกว่า อักษราธรรม ได้ชื่อว่าเป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก รับรองโดยกินเนสส์บุ๊คเมื่อปี ค.ศ. 2007 แม้จะเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ แต่ก็สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการตามรูปแบบโบราณของอินเดีย โดยใช้เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมที่ใช้หินทรายในการก่อสร้าง ไม่ใช้โครงสร้างโลหะแต่อย่างใด

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รังโกลี (Rangoli) ศิลปะการวาดภาพตกแต่งที่นิยมในอินเดีย


ภาพวาดรูปแบบหนึ่งที่มักเห็นประจำในอินเดียก็คือ ภาพวาดที่เรียกว่า รังโกลี (Rangoli) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของศิลปะที่นิยมมากที่สุดในอินเดียก็ว่าได้ เป็นการวาดภาพด้วยทรายหรือผงสี บนพื้นขาวหรือพื้นสี ซึ่งมักใช้ตกแต่งหน้าบ้านของชาวอินเดียในงานเทศกาลต่างๆ หรือในสถานที่จัดงานสำคัญๆ หมายถึงการต้อนรับขับสู้อย่างอบอุ่นของเจ้าบ้านหรือเจ้าภาพต่อแขกที่มาเยือน

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พิธีทุบมะพร้ว (Coconut Breaking)


มะพร้าว หรือ coconut ในภาษาอังกฤษ และภาษาสันสกฤตเรียกว่า Sriphala ซึ่งหมายถึง ผลไม้แห่งพระเจ้า ดังนั้นเราจึงเห็นชาวอินเดียนิยมถวายมะพร้าวเป็นลูกๆ เพื่อเป็นของบูชาเทพเจ้าในศาสนาฮินดู นอกจากนั้นมะพร้าวยังมีบทบาทสำคัญในพิธีกรรมต่างๆ ของทุกศาสนาไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ฉลองรถใหม่ สร้างสะพานใหม่ เปิดตัวหนังเรื่องใหม่ พิธีเปิดประชุมสัมมนาต่ีางๆ เป็นต้น

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อินเดียคิดค้นระเบิดมือจากพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก


กองทัพอินเดียเพิ่งประกาศใช้อาวุธใหม่ล่าสุดที่เพิ่มเข้ามาในคลังสรรพาวุธ นั่นคือ ระเบิดพริก (chili grenades) ซึ่งทำมาจากพริกที่เผ็ดและร้อนแรงที่สุดในโลก คือ พริกบุตโจโลเกีย (bhut jolokia) ซึ่งเป็นพริกพื้นเมืองของรัฐอัสสัม ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการแล้วว่าเป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก ตามสถิติของบันทึกโลกกินเนสบุ๊คประจำปี 2007

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เชื่อหรือไม่ พริกกับมะนาวช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้


อยู่อินเดียสิ่งที่เห็นได้บ่อยๆ ก็คือ พวงพริกและมะนาวที่ร้อยรวมกัน และแขวนไว้ตามท้ายรถต่างๆ รวมทั้งห้อยแขวนไว้ที่บ้านด้วย พวกเราก็ดูกันขำๆ แปลกดี โดยที่ไม่ทราบความหมาย แต่การใช้พืชผักทั้งสองสิ่งรวมกันนี้ชาวอินเดียนเขาเชื่อว่าจะช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

บุตโจโลเกีย (bhut jolokia) พริกปีศาจที่เผ็ดที่สุดในโลก


พริกบุตโจโลเกีย (bhut jolokia) เรียกกันในชื่อท้องถิ่นหลากหลายชื่อ ที่รู้จักกันทั่วไปคือ นากาโจโลเกีย (naga jolokia) บ้างก็เรียก บิห์โจโลเกีย (Bih Jolokio) ที่หมายถึง พริกปีศาจ (ghost chili) มีถิ่นกำเนิดในรัฐอัสสัม ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก เพราะจำนวนเพียงน้อยนิดของพริกชนิดนี้ก็ปรุงแต่งรสชาติที่เผ็ดร้อนเข้มข้นจนน้ำหูน้ำตาไหลพลั๊กๆ กันทีเดียว

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระเจ้าอักบาร์มหาราช จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์โมกุล


ยุคสมัยของพระเจ้าอักบาร์มหาราช (Akbar the Great) ถือได้ว่าเป็นช่วงที่รุ่งเรืองมากที่สุดของจักรวรรดิโมกุล ทรงขึ้นครองราชย์ในขณะยังทรงพระเยาว์ 13 พระชันษา ในปี ค.ศ. 1556 ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระราชบิดา พระเจ้าฮุมายัน (Humayun) ทรงแผ่ขยายอาณาจักรไปไกลทางด้านตะวันตกถึงอัฟกานิสถาน และทางใต้ถึงแม่น้ำโกดาวารี (Godavar) ภายใต้การชี้แนะของไบรามข่าน (Bairam Khan) พระเจ้าอักบาร์ทรงยึดดินแดนได้ทั่วฮินดูสถาน และท้ายที่สุดได้ครอบครองดินแดนเกือบจะทั่วภาคเหนือของอินเดียและอัฟกานิสถาน

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ส่าหรี (sari) เอกลักษณ์ของสตรีอินเดีย


อินเดียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดีประเทศหนึ่ง สะท้อนให้เห็นได้จากเครื่องแต่กายสตรี แม้วัยรุ่นส่วนหนึ่งนิยมแต่งกายแบบตะวันตก เสื้อยืด กางเกงยืนแล้วก็ตาม แต่ผู้หญิงอินเดียส่วนใหญ่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้อย่างเหนียวแน่น สาหรี ถือว่าเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของสตรีอินเดีย ที่นิยมแต่งในวันสำคัญต่างๆ และเป็นเครื่องแต่งกายเฉพาะสำหรับสตรีที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

นวราตรี (Navratri) เทศกาลบูชาพระแม่ทุรคา


นวราตรี (Navratri, Navaratri, หรือ Navarathri) เป็นเทศกาลแห่งการบูชาและการเต้นรำ ในภาษาสันสกฤตคำว่า นว (nava) หมายถึง เก้า และ ราตรี (ratri) หมายถึง กลางคืน จึงมีความหมายตามตัวอักษรว่า “เก้าคืน” ซึ่งในช่วง “เก้าคืน” นี้จะมีการบูชาพระแม่ทุรคา (Durga) หรือศักติ (Shakti) ซึ่งหมายถึง พลังหรืออำนาจ ในเก้ารูปแบบ

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

ระบบดาวรี (Dowry System) ในอินเดีย


ดาวรี (Dowry) หมายถึง เงิน สิ่งของ หรือที่ดินที่ฝ่ายหญิงนำติดตัวมาด้วยเพื่อมาแต่งงาน ไม่เหมือนกับเงินสินสอดที่จ่ายให้กับฝ่ายพ่อแม่เจ้าสาวอย่างในบ้านเรา ดาวรีนับว่าเป็นเป็นระบบเก่าแก่โบราณที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันในสังคมอินเดีย

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

“เกียรติยศสังหาร” เพื่อเกียรติของใคร


โดย ติฟาฮา มุกตาร์

การแต่งงานในสังคมอินเดียกางกั้นด้วยม่านประเพณีอันทึบหนาดังม่านเหล็ก ขณะที่ข้อดีเสียระหว่างการแต่งแบบจับคู่โดยพ่อแม่ (Arranged Marriage) และแบบชอบพอกันเอง (Love Marriage) ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันได้ถึงศตวรรษหน้า ทั้งพอเข้าใจได้ว่าสังคมที่ยังยึดโยงอยู่กับจารีตประเพณีโดยเฉพาะเรื่องตระกูลและวรรณะอย่างอินเดีย คนทั่วไปย่อมถือว่าการแต่งแบบจับคู่เป็นเรื่องดีงามกว่า แต่ใครจะคาดคิดว่าในศตวรรษที่ 21 เช่นนี้ การขัดต่อจารีตหรือฝ่าม่านประเพณีจะนำไปสู่การฆ่าในนามของเกียรติยศ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

พิพิธภัณฑ์ ราช ดินาการ์ เกลการ์ (Raj Dinakar Kelkar Museum)


ปูเณ่เป็นเมืองใหญ่ โดยเฉพาะเป็นเมืองสำหรับการศึกษา นอกเหนือจากการเรียนรู้ในชั้นเรียนแล้ว แหล่งความรู้ต่างๆ สำหรับการเรียนรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียนก็มีมากไม่แพ้กัน เช่น พิพิธภัณฑ์ เป็นต้น ในเมืองปูเณ่มีพิพิธภัณฑ์มากมายกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งในสถาบันการศึกษาและพิพิธภัณฑ์เอกชน

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

อนุสรณ์แห่งรัก ทัชมาฮาล (Taj Mahal)


ณ เมืองอัครา รัฐอุตตรประเทศ ห่างจากเดลลีนครหลวงประมาณ 200 กิโลเมตร สถาปัตยกรรมสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวที่งดงามและเลื่องลือ ตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา มีนามว่า ”ทัชมาฮาล” (Taj Mahal) ชื่อนี้ประทับอยู่ในใจทุกผู้คนมาหลายศตวรรษ พระเจ้าชาห์ ชหาน ดำรัสให้สร้างทัชมาฮาลขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงสตรีหนึ่งเดียวในพระทัยของพระองค์ตราบจนสิ้นพระชนน์ “พระนาง มุมตัซ มาฮาล”