เดลีอักชาร์ดัมได้รับแรงบันดาลใจจาก อักชาร์ดัม ในเมืองคานธีนาการ์ (Gandhinagar) รัฐคุชราต ในปี ค.ศ. 1968 ท่านโยกิจิมหาราช (Yogiji Maharaj) ประมุขทางจิตวิญญาณของ BAPS (Bochasanwasi Shri Akshar Purushottam Swaminarayan Sanstha) กูรูองค์ที่ 4 ของนิกายมีดำริอยากให้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นบริเวณริมฝั่งแม่น้ำยมุนา แต่ยังไม่มีการก่อสร้างในช่วงนั้น กูรูองค์ถัดมา คือ ประมุขสวามีมหาราช (Pramukh Swami Maharaj) ได้สานฝันของท่านโยกิจิมหาราชให้เป็นจริงขึ้น โดยเริ่มการก่อสร้างในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000
การก่อสร้างนั้นใช้ช่างแกะสลักถึง 7000 คน และอาสาสมัคร 3000 คน ทำงานร่วมกันในการก่อสร้างอักชาร์ดัม โดยใช้หินทรายสีชมพูกว่า 6,000 ตัน จากรัฐราชสถาน หินอ่อนสีขาวจากอิตาลี ในการตัดหินนั้นใช้เครื่องมือแต่การแกะสลักรายละเอียดใช้ฝีมือคนทั้งสิ้น โดยเร่งทำงานทั้งคืนวันจนสำเร็จเสร็จสิ้นในระยะเวลา 5 ปี จากระยะเวลาสร้างปกติที่ต้องใช้ถึง 40 ปี และอักชาร์ดัมก็ได้ทำการเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 โดย ประธานาธิบดี ดร.เอ.พี.เจ.อับดุล กาลาม (Dr. A.P.J. Abdul Kalam) พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีมานโมฮาน ซิงห์ (Manmohan Singh) ผู้นำพรรคฝ่ายค้านในรัฐสภาอินเดีย และแขกผู้มีเกียรติต่างๆ เข้าร่วมถึง 25,000 คน
ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2007 อักชาร์ดัมได้การบันทึกสถิติโลกในกินเนสส์บุ๊คให้เป็นวัดฮินดูที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก โดยวิหารกลางนั้นวัดความยาวได้ 356 ฟุต (109 เมตร) กว้าง 316 ฟุต (96 เมตร) และสูง 141 ฟุต (43 เมตร) ครอบคลุมพื้นที่ 86,342 ตารางฟุต (8,021.4 ตารางเมตร) ซึ่งสร้างขึ้นตามแบบศิลปะโบราณของอินเดีย ตกแต่งด้วยงานแกะสลักหินด้วยมือที่หรูหราโดยไม่มีเหล็กเป็นโครงสร้างแต่อย่างใด ภาพสลักคลุมตั้งแต่ฐานไปจนถึงด้านบน มีเสาแกะสลักถึง 234 เสา มีโดม 9 โดม มียอดศาลา 20 ยอด มีประติมากรรมแกะสลักเป็นรูปช้าง บุคคล กูรูต่างๆ รูปดอกไม้ สัตว์ นางรำ นักดนตรี และเทวดามากกว่า 20,000 รูป โดยใจกลางของวิหารกลางมีรูปทองแดงของศาสดาองค์แรกประดิษฐานอยู่ พร้อมรูปสวามีทุกองค์ยืนเรียงรายหันหน้าเข้าหาศาสดา เหนือขึ้นไปบนเพดานเป็นรูปสลักเทพเจ้าฮินดูหลายร้อยองค์
นอกจากนั้นยังมีกำแพงรายที่ตกแต่งด้วยภาพแกะสลักมากมายเป็นรูปสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะช้าง ประตูหินแกะสลัก เสาและหน้าต่างจำนวนมาก มีโรงภาพยนตร์ที่มีจอขนาดใหญ่ กว้าง 26 เมตร และสูง 20 เมตร ที่แสดงภาพยนตร์เกี่ยวกับประวัติการจาริกแสวงบุญของท่านสวามีนารายัน ยังมีอัฒจรรย์เป็นขั้นบันได ล้อมรอบน้ำพุดนตรี ที่ทำเป็นรูปดอกบัวแปดกลีบอยู่กึ่งกลางบรรเลงเพลงให้ความเพลิดเพลินในยามค่ำคืน ยังแม่การแล่นเรือชมฉากจำลองประวัติศาสตร์ของอินเดียกว่า 10,000 ปี โดยใช้เวลาแค่ 12 นาที ล่องไปตามแม่น้ำที่จำลองขึ้น
นอกจากนั้นยังมีสวนแห่งอินเดีย มีสนามหญ้าที่มีการตกแต่งด้วยต้นไม้ พุ่มไม้ เขียวขจี และยังมีรูปประติมากรรมสำริดของผู้ที่มีคุณูปการในทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอินเดียรวมอยู่ด้วย ประติมากรรมเหล่านี้ได้แก่ รูปเด็ก สตรี บุคคลสำคัญแห่งชาติ นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ และนักรบต่างๆ ของอินเดีย ในบรรดาประติมากรรมเหล่านี้มีรูป มหาตมะคานธี บุคคลสำคัญแห่งชาติ
ความงดงามและอลังการของอักชาร์ดัมแสดงให้เห็นถึงศิลปะวัฒนธรรมที่เป็นอมตะ ไร้ขอบเขต และมีคุณค่าอย่างไร้กาลเวลาของอินเดีย สมกับที่ได้รับการยกย่อง ซึ่ีงวัดแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 70 เปอร์เซนต์ จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาเที่ยวกรุงเดลี แต่ให้บอกว่างดงามอย่างไรก็ไม่เท่ากับได้มาสัมผัสด้วยตาของตนเอง ผู้สนใจสามารถมาเที่ยวที่อักชาร์ดัมแห่งนี้ได้ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 19.00 น. ปิดวันจันทร์หนึ่งวัน โดยเข้าชมฟรี แต่ถ้าเป็นนิทรรศการแสงสีเสียงต้องเสียเงินค่าตั๋วต่างหาก และไม่จำเป็นก็อย่านำสัมภาระอะไรมามากมายเพราะเขาห้ามนำเข้าค่ะ
Information courtesy:
http://en.wikipedia.org/wiki/Akshardham_(Delhi)
http://www.akshardham.com/
Pictures courtesy:
http://en.wikipedia.org/wiki/Akshardham_(Delhi)
http://www.bbc.co.uk/blogs/freethinkingworld/future_cities/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น