ในเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของวัด วัง และศาสนสถานต่างๆ กว่า 1500 แห่ง ซึ่งเชื่อกันโดยทั่วไปว่า พาราณสี เป็นเมืองเก่าแก่ที่ไม่เคยร้างผู้คนมากว่า 3000 ปีมาแล้ว วัฒนธรรมของชาวเมืองพาราณสีจึงสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับแม่น้ำคงคา ชาวฮินดูหลั่งไหลกันมาอาบน้ำในแม่น้ำคงคา เฉพาะในเขตเมืองพาราราณสีเท่านั้นที่ถือว่าเป็นช่วงที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดของแม่น้ำ เพื่อชำระล้างบาป และเผาศพบุคคลอันเป็นที่รัก
จุดดึงดูดสำคัญของเมืองนี้ก็คือ ท่าอาบน้ำที่ทำเป็นขั้นบันไดลงสู่แม่น้ำที่เรียกว่า กัต (Ghat) ที่นี่มีท่าน้ำต่างๆ ถึง 80 กัต แผ่ขยายไปตามริมฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวฮินดูได้ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างทั่วถึงกัน ชาวฮินดูเชื่อกันว่าถ้าได้มาเสียชีวิตที่เมืองพาราณสี หรือได้มาสระสรงน้ำในแม่น้ำคงคาที่นี่ ก็จะช่วยชำระล้างบาปรวมทั้งช่วยให้หลุดพ้นจากวัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิด และสามารถมุ่งไปสู่สวรรค์ได้ ในแต่ละปีจึงมีผู้แสวงบุญเดินทางมายังเมืองนี้กว่า 1 ล้านคน
พาราณสียังเป็นเมืองสำคัญในศาสนาอื่นๆ ด้วย สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงมาแสดงปฐมเทศนาที่สารนาถ (Sarnath) อยู่นอกเมืองพาราณสีออกไปราว 12 กิโลเมตร ทั้งยังมีมัสยิดของจักรพรรดิออรังเซบ (Aurangzeb) ก็ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่สูงสุดของเมือง เป็นอาคารที่โดดเด่นมีชื่อเสียงในเมืองพาราณสีตั้งแต่ยุคมิสลิมเข้าครอบครอง นอกจากนั้นพาราณสียังมีชื่อเสียงด้านผ้าไหมทอเป็นลายดอกต่างๆ และเครื่องทองเหลือง
ตัวเมืองพาราณสีนอกจากเป็นศูนย์กลางทางศาสนา ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ได้แก่มหาวิทยาลัยบานาราสฮินดู (Banaras Hindu University) มหาตะมะคานธีกาศีวิทยาพิธ (Mahatma Gandhi Kashi Vidyapeeth) สถาบันกลางของธิเบตศึกษาขั้นสูง (Central Institute of Higher Tibetan Studies) และมหาวิทยาลัยสัมปุระนานันด์สันสกฤต (Sampurnanand Sanskrit University)
ผู้คนมักเรียกขานเมืองพาราณสีในนามต่างๆ เช่น นครแห่งวัด (the city of temples) นครศักดิ์สิทธิ์ของอินเดีย (the holy city of India) นครหลวงทางศาสนาของอินเดีย (the religious capital of India) นครแห่งแสงสว่าง (the city of lights) และนครแห่งการศึกษา (the city of learning)
สำหรับชาวฮินดูแล้ว เมืองพาราณสี เทียบได้กับ กรุงเยรูซาเรม ของชาวยิวและคริสเตียน เมืองเมกกะ ของชาวมุสลิม เพราะเป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดเหมือนกัน และเป็นสถานที่จาริกแสวงบุญต่อเนื่องมานับพันๆ ปี
Information courtesy:
http://en.wikipedia.org/wiki/Varanasi
http://ezinearticles.com/?Varanasi—Indias-Holiest-City&id=3203252
Pictures courtesy:
http://www.traveljournals.net/pictures/19008.html
http://commons.wikimedia.org/wiki/File:India_-_varanasi_1.JPG
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น